เมนู

คละประเทศมีหรือ เพราะว่าในกชังคละ-
ประเทศนั้น ชนทั้งหลายถอนขนของเราออก
แล้ว ผูกชิ้นกระเบื้องไว้ที่คอ.
[830] แน่ะสหาย ท่านจะประสบสภาพเห็น
ปานนี้อีก เพราะปกติของท่านเป็นเช่นนั้น
อันโภคของพวกมนุษย์ไม่ใช่เป็นของที่นก
จะกินได้ง่ายเลย.

จบ กโปตกชาดกที่ 5

อรรถกถากโปตกชาดกที่ 5


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ภิกษุโลภรูปหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า อิทานิ
โขมฺหิ
ดังนี้.
เรื่องภิกษุโลภ ได้ให้พิสดารแล้วโดยเรื่องราวมิใช่น้อยเลย.
ส่วนในชาดกนี้ พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า ก่อนภิกษุ ได้
ยินว่าเธอเป็นผู้โลภจริงหรือ ? เมื่อภิกษุนั้นกราบทูลว่า พระเจ้าข้า ข้า
แต่พระองค์ผู้เจริญ. จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ มิใช่ในบัดนี้เท่านั้น แม้
ในกาลก่อน เธอก็เป็นคนโลภมาแล้ว ก็เพราะความเป็นคนโลภ จึง
ได้ถึงความสิ้นชีวิต แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนคร

พาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดนกพิราบอยู่ในกระเช้าที่เขา
ทำเป็นรังนก ในโรงครัวของท่านพาราณสีเศรษฐี. ครั้งนั้น มีกา
ตัวหนึ่งอยากได้เนื้อปลา จึงกระทำไมตรีกับนกพิราบนั้น ได้อยู่ใน
กระเช้ารังนั้นเหมือนกัน. วันหนึ่ง กานั้นเห็นเนื้อปลามากมาย คิดว่า
จักกินเนื้อปลานี้ จึงนอนถอนใจอยู่ในกระเช้าที่เป็นรังนั่นแหละ แม้
นกพิราบจะกล่าวว่า มาเถอะสหาย พวกเราจักไปหากินกัน ก็กล่าว
ว่า ฉันมึนเมาเพราะอาหารไม่ย่อย ท่านจงไปเถอะ. เมื่อนกพิราบนั้น
ไปแล้ว คิดอยู่ว่า เสี้ยนหนามคือศัตรูของเราไปแล้ว บัดนี้ เราจัก
กินเนื้อปลาได้ตามชอบใจ จึงกล่าวคาถาที่ 1 ว่า :-
บัดนี้ เราเป็นสุข ไม่มีโรค นกพิราบ
เป็นเสี้ยนหนามในหทัย บินไปแล้ว บัดนี้
เราจักกระทำความยินดีแห่งหทัย เพราะเหตุ
ว่าชิ้นเนื้อและแกงจะทำให้เราเกิดกำลัง.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นิปฺปติโต แปลว่า ออกไปแล้ว.
บทว่า กโปโต ได้แก่ นกพิราบ. บทว่า กาหามิทานิ แปลว่า บัดนี้
เราจักกระทำ. บทว่า ตถา หิ มํ มํสสากํ พเลติ ความว่า เพราะ
เนื้อและแกงที่เหลือ ย่อมทำกำลังให้แก่เราโดยแท้ อธิบายว่า เนื้อ
และแกงย่อมทำความอุตสาหะแก่เรา เสมือนจะพูดว่า จงลุกขึ้นกินเถิด.
กานั้น เมื่อพ่อครัวทอดเนื้อปลาแล้วออกไปเช็ดเหงื่อออกจาก
ตัว จึงออกจากกระเช้าแล้ว แอบอยู่ในภาชนะใส่เครื่องปรุงอาหารให้

มีรส ภาชนะใส่เครื่องเทศ ทำให้เกิดสียงดังกริ้ก ๆ. พ่อครัว
จึงมาจับกาถอนขนออกหมด แล้วบดขิงสดกับแป้งและเมล็ดผักกาด
ขยำกระเทียมเข้ากับเปรียงบูด ทาจนทั่วตัว แล้วเราะกระเบื้องอันหนึ่ง
เจาะให้ทะลุร้อยด้ายผูกไว้ที่คอกานั้น ใส่มันเข้าไว้ในรังกระเช้าตาม
เดิม ได้ไปแล้ว. นกพิราบกลับมาเห็นดังนั้น เมื้อจะทำการเยาะเย้ย
ว่า นี่นกยางอะไรมานอนอยู่ในกระเช้าของสหายเรา ก็สหายของเรา
นั้นดุร้าย กลับมาแล้วจะพึงฆ่าเจ้าเสีย จึงกล่าวคาถาที่ 2 ว่า :-
นี่นกยางอะไรมีหงอน ขี้ขโมยเป็นปู่นก
โลดเต้นอยู่ แน่ะนกยาง ท่านจงออกมาข้าง
นอกเสีย กาผู้เป็นสหายของเราดุร้าย.

คาถานั้น มีเนื้อความได้กล่าวไว้แล้วในหนหลังแล. กาได้ฟัง
ดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ 3 ว่า :-
ท่านได้เห็นเรามีขนอันพ่อครัวถอนหมด
แล้วทาด้วยแป้งเช่นนี้ ไม่ควรจะหัวเราะเยาะ
เลย.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อลํ เป็นนิบาต ใช้ในอรรถว่า
ปฏิเสธ. บทว่า ชคฺฆิตาเส1 แปลว่า หัวเราะ. ท่านกล่าวอธิบายนี้
ไว้ว่า บัดนี้ ท่านเห็นเราได้รับทุกข์เช่นนี้ คืออย่างนี้ ไม่ควรจะหัวเราะ
คือ ท่านอย่ากระทำการหัวเราะเยาะในกาลเช่นนี้.
นกพิราบนั้น กระทำการหัวเราะอยู่นั่นแล จึงกล่าวคาถาที่
1. บาลีว่า ชคฺฆิตาเย.

4 อีกว่า :-
ท่านอาบดีแล้ว ลูบไล้ดีแล้ว เอิบอิ่มไป
ด้วยข้าวและน้ำ และมีแก้วไพฑูรย์อยู่ที่คอ
ได้ไปกชังคละประเทศมาหรือ.

บรรดาบทเหล่านั้น ด้วยบทว่า กณฺเฐ จ เต เวฬุริโย นี้
นกพิราบหมายเอา กระเบื้องนั่นแหละ กล่าวว่า แม้แก้วไพฑูรย์
ขอท่านนี้ ก็ประดับอยู่ที่คอ. ตลอดกาลมีประมาณเท่านี้ ท่านไม่แสดง
แก้วไพฑูรย์นี้แก่เราเลย. ด้วยบทว่า กชงฺคลํ นี้ เมืองพาราณสีเท่านั้น
ท่านประสงค์เอาว่า กชังคละประเทศ ในที่นี้. นกพิราบถามว่า ท่าน
ออกจากที่นี้ไป ได้ไปยังภายในเมืองมาหรือ ?
ลำดับนั้น กาจึงกล่าวคาถาที่ 5 ว่า :-
คนผู้เป็นมิตรหรือเป็นศัตรูของท่านก็ตาม
อยู่ได้ไปกชังคละประเทศเลย เพราะใน
กชังคละประเทศนั้น คนทั้งหลายถอนขน
ของเราออกแล้วผูกกระเบื้องกลมไว้ที่คอ.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปิญฺชานิ ได้แก่ ขนหางทั้งหลาย
บทว่า ตตฺถ ลายิตฺวา ความว่า ในนครพาราณสีนั้น ชนทั้งหลาย
ถอน. บทว่า วฏฺฎนํ ได้แก่ กระเบื้อง.
นกพิราบได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาสุดท้ายว่า :-

แน่ะสหาย ท่านจะประสบสภาพเห็น
ปานนี้อีก เพราะปกติของท่านเป็นเช่นนี้
ธรรมดาของบริโภคของมนุษย์ ไม่เป็นของที่
พวกนกจะกินได้ง่ายเลย.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปุนปาปชฺชสี ความว่า ท่าน
จักถึงสภาพเห็นปานนี้แม้อีก เพราะปกติของท่านเห็นปานนี้.
นกพิราบนั้นโอวาทกานั้น ด้วยประการยังนี้แล้วก็ไม่อยู่ในที่
นั้น ได้กางปีกบินไปที่อื่นแล้ว. ฝ่ายกาก็ถึงความสิ้นชีวิตอยู่ในที่นั้น
นั่นเอง.
พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรง
ประกาศสัจจะทั้งสี่ แล้วทรงประชุมชาดก. ในเวลาจบสัจจะ ภิกษุผู้
โลภได้ดำรงอยู่ในอนาคามิผล. กาในครั้งนั้น ได้มาเป็นภิกษุผู้โลภใน
บัดนี้ ส่วนนกพิราบในครั้งนั้น ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถากโปตกชาดกที่ 5

รวมชาดกที่มีในวรรคนี้ คือ


1. ทีฆีติโกสลชาดก 2. มิคโปตกชาดก 3. มูสิกชาดก
4. จุลลธนุคคหชาดก 5. กโปตกชาดก.
จบ อัฑฒวรรคที่ 3

รวมวรรคที่มีในปัญจกนิบาตคือ


1. มณิกุณฑลวรรค 2.วรรณาโรหวรรค 3. อัฑฒวรรค.
จบ อรรถกถาปัญจกนิบาต